พลิกวิกฤตตึกออฟฟิศล้นตลาด สู่โอกาส Renovate อาคารเก่าให้เข้าเทรนด์ Smart Building

แม้ลักษณะการทำงานของผู้คนจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น แต่รายงานของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า ปี 2566 มีอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้น 224,600 ตร.ม. ขณะที่ความต้องการใช้พื้นที่อยู่ที่ 143,000 ตร.ม. เท่านั้น ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาด ซึ่งในปี 2567 อาคารสำนักงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 650,000 ตร.ม.

ภาวะดังกล่าวส่งผลให้อาคารสำนักงานมีอัตราการเช่าพื้นที่ลดลง เพราะดีมานด์โตไม่ทันซัพพลาย การแข่งขันที่เกิดขึ้นอย่างดุเดือด ทำให้เจ้าของอาคารสำนักงานต้องรีบพัฒนาพื้นที่ของตนเอง เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้

สาเหตุสำคัญของภาวะอุปทานล้นตลาด

ปี 2566 อาคารสำนักงานมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเหลือเพียง 78% ลดลงจากปีก่อนถึง 1.9% และถือว่าลดลงอย่างมากหากเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งมีอัตราการเช่าอยู่ที่ 90% ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป เช่น

  • การทำงานแบบ Work from Home ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน บริษัทจึงลดพื้นที่เช่าลง
  • อาคารที่เน้นความยั่งยืนได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทล้วนมองหาอาคารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อย่างอาคารมิกซ์ยูส (Mixed-Use) ที่สามารถใช้ชีวิตครบจบในที่เดียว ทั้งการอยู่อาศัยและทำงาน รวมถึงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้ ตามหลัก ESG

อาคารสำนักงานที่มีอายุมากกว่า 20 ปี จึงควรรีโนเวทให้ทันสมัย รวมถึงผนวกกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเข้ามาร่วมด้วย เพื่อรักษาผู้เช่ารายเดิมและดึงดูดผู้เช่ารายใหม่

เทรนด์อาคารสำนักงานแห่งอนาคต

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด เป็นกุญแจสำคัญที่ยกระดับอาคารให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทั้งความเป็นอยู่และความคุ้มค่าของธุรกิจ

  1. เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและเสริมความปลอดภัย ระบบ IoT ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ได้สะดวกและเรียลไทม์ รวมถึง AI ที่ใช้ประมวลผล และมอนิเตอร์การจัดการพลังงาน เช่น ปรับความสว่างหรืออุณหภูมิภายในห้อง แจ้งสถานะและจำนวนที่จอดรถ และเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อาคารผ่านระบบยืนยันตัวตน
  2. อาคารสีเขียว อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีเพียงแค่ระบบไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน อย่างโซลาร์รูฟท็อป ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) หรือระบบทำความเย็น (Chiller) เท่านั้น แต่ยังต้องมีการบริหารจัดการน้ำและขยะอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ช่วยให้ผู้เช่าลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดการปล่อยมลพิษได้
  3. นวัตกรรมก่อสร้างที่ยั่งยืน อุตสาหกรรมก่อสร้างในอนาคตมีแนวโน้มที่จะพัฒนาสู่ความยั่งยืน เช่น ก้อนอิฐดูดซับมลพิษที่สามารถกรองฝุ่นละออง และทำให้อากาศภายในอาคารบริสุทธิ์ หรือไบโอคอนกรีตที่ซ่อมแซมรอยแตกร้าวได้ด้วยตนเองจึงใช้งานได้นานหลายปี ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิต
  4. สถานีชาร์จภายในอาคาร เมื่อการเดินทางปรับสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น อาคารสำนักงานสามารถสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งสถานีชาร์จรถ EV ภายในอาคาร โดยในอนาคตจะพัฒนาไปสู่เทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless EV Charging Station) เพื่อความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

พาร์ทเนอร์ด้านพลังงานสะอาด เพื่ออาคารปลอดคาร์บอน

ในฐานะที่มุ่งมั่นจะเป็น Net-Zero Solutions Provider บ้านปู เน็กซ์ มีโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจรที่ออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของทุกธุรกิจ ช่วยยกระดับให้อาคารสำนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดการปล่อยคาร์บอนได้

  1. ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์ และกักเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ มีดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยมอนิเตอร์การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ การใช้แบตเตอรี่ช่วยกักเก็บพลังงานไว้ใช้ได้ต่อเนื่อง ทำให้การจ่ายไฟฟ้ามีความเสถียร และมีประสิทธิภาพ
  2. ระบบทำความเย็นในอาคาร หรือระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางสำหรับอาคารขนาดใหญ่ ส่งความเย็นจากท่อน้ำใต้พื้นดินไปสู่ระบบปรับอากาศภายในอาคาร
  3. ระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจร (Mobility-as-a-Service) ให้บริการรถ EV พร้อมกับสถานีชาร์จและมีดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ช่วยมอนิเตอร์การใช้งานให้สะดวกและรวดเร็ว

ถึงแม้การแข่งขันในตลาดอาคารสำนักงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เจ้าของอาคารสำนักงานยังสามารถรีโนเวทอาคารให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเลือกใช้โซลูชันพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับอาคารให้ยั่งยืน ปลอดภัย รองรับเทรนด์การทำงานยุคใหม่ และสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว สำหรับธุรกิจที่สนใจโซลูชันพลังงานสะอาด ติดต่อ 02-095-6599 หรือข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.banpunext.co.th

อ้างอิง